แม้ว่าดาวเสาร์จะมีดวงจันทร์บริวารที่ถูกค้นพบแล้วมากถึง 62 ดวง แต่ดวงจันทร์ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมากและมีรูปร่างไม่เป็นทรงกลม เนื่องจากเป็นดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางซึ่งถูกแรงโน้มถ่วงของเสาร์จับมาเป็นบริวารในภายหลัง ไม่ได้วิวัฒนาการขึ้นมาพร้อมๆ กับดาวเสาร์ ยกเว้น ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ เช่น ไททัน มิมาส เอนเซลาดุส เททีส ไดโอเน รีอา ทั้งนี้ดวงจันทร์แต่ละดวงมีสมบัติพิเศษแตกต่างกันไป
ไททัน (Titan) เป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของระบบสุริยะรองจากดวงจันทร์คัลลิสโตของดาวพฤหัสบดี ไททันมีบรรยากาศหนาแน่นกว่าโลก ประกอบด้วยแก๊สไนโตรเจน 95% และมีเทนครบทั้งสามสถานะ สภาพภูมิประเทศมีทั้งเมฆ ทะเลสาบ แม่น้ำซึ่งมีมีเทนในสถานะของเหลว นอกจากนั้นยังมีภูมิประเทศเป็นภูเขาและเนินทรายดังเช่นโลกของเรา นักวิทยาศาสตร์จึงสนใจว่า อาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ไททัน
ฟีบี (Phoebe) โคจรรอบดาวเสาร์ในทิศสวนทางกับดวงจันทร์ขนาดใหญ่ทั้งหลาย ทั้งนี้อาจเนื่องจากเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์จับมาเป็นบริวารภายหลังยุคก่อตัวของระบบสุริยะ
มิมัส (Mimas) มีรอยชนซึ่งเกิดจากอุกกาบาตขนาดใหญ่
เอนเซลาดุส (Enceladus) มีพื้นผิวที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟน้ำแข็ง แม้ว่าอุณหภูมิพื้นผิวจะต่ำจนติดลบ แต่ความแตกต่างของอุณหภูมิก็ทำให้แก๊สเปลี่ยนสถานะและเกิดแรงดัน
ไฮเปอเรียน (Hyperion) เป็นดวงจันทร์ที่มีรูปร่างแบนและมีวงโคจรที่ซับซ้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการปะทะกับดาวเคราะห์น้อยเมื่อไม่นานมานี้
แพน (Pan) เป็นดวงจันทร์ขนาดเล็กซึ่งโคจรอยู่ในวงแหวนหลัก ขณะที่แพนโคจรไปจะกวาดอนุภาคในวงแหวน ทำให้เกิดช่องว่างแคบๆ เรียกว่า ช่องเองค์เก (Encke)
เทธิส (Tethys) มีรอยยกตัวขนาดใหญ่ยาว 3 ใน 4 ของเส้นรอบวงดวงจันทร์ และโคจรอบดาวเสาร์โดยมีดวงจันทร์เทเลสโตโคจรนำอยู่ด้านหน้า และดวงจันทร์คาลิปโซโคจรตามหลัง
คำอธิบายภาพ
1. ภาพอินฟราเรดแสดงให้เห็นบรรยากาศขั้นต่างๆ ของดวงจันทร์ไททัน
2. รอยแตกของกำแพงน้ำแข็งบนดวงจันทร์เอนเซลาดุส
3. หลุมเครเตอร์ขนาดใหญ่บนดวงจันทร์มิมาส 4. ทัศนียภาพที่มองจากกระสวยฮอยเกนส์ขณะลงสู่พื้นผิวของดวงจันทร์ไททัน
5. เทคนิค False color ทำให้มองเห็นอนุภาคน้ำแข็งที่พ่นออกมาจากพื้นผิวของเอนเซลาดุส
6. ดวงจันทร์ฟีบี
7. ดวงจันทร์ไอเอปีทุส
8. ดวงจันทร์รีอา
ข้อมูลสำคัญ
- ไททัน เป็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5,150 กิโลเมตร
- แพน เป็นดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้ดาวเสาร์มากที่สุด โดยมีระยะห่าง 133,583 กิโลเมตร
- แพน เป็นดวงจันทร์ที่โคจรรอบดาวเสาร์โดยใช้เวลาน้อยที่สุดเพียง 13.8 ชั่วโมง
- ไททัน ถูกค้นพบโดยคริสเตียน ฮอยเกนส์ ในปี พ.ศ.2198
- แรงไทดัลทำให้ไททันและดวงจันทร์อีก 16 ดวง หันด้านเดียวเข้าหาดาวเสาร์ เช่นเดียวกับที่ดวงจันทร์หันด้านเดียวเข้าหาโลก
ยูเรนัส (Uranus) ถูกค้นพบครั้งแรกโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล ในปี พ.ศ.2534 สองร้อยปีต่อมา ยานวอยเอเจอร์ 2 ทำการสำรวจดาวยูเรนัสในปี พ.ศ. 2529 พบว่า บรรยากาศของดาวยูเรนัสประกอบด้วยไฮโดรเจน 83%, ฮีเลียม 15% และมีเทน 2% ดาวยูเรนัสมีสีฟ้าเนื่องจากแก๊สมีเทนดูดกลืนสีแดงและสะท้อนสีน้ำเงิน บรรยากาศมีลมพัดแรงมาก ลึกลงไปที่แก่นของดาวห่อหุ้มด้วยโลหะไฮโดรเจนเหลว ขณะที่ดาวเคราะห์ส่วนใหญ่มีแกนหมุนรอบตัวเองเกือบตั้งฉากกับระนาบสุริยวิถี แต่แกนของดาวยูเรนัสวางตัวเกือบขนานกับสุริยวิถี ดังนั้นอุณหภูมิบริเวณขั้วดาวจึงสูงกว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตร ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ชั้นนอกดวงอื่นๆ วงแหวนของดาวยูเรนัสมีความสว่างไม่มาก เนื่องจากประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก มีขนาดตั้งแต่ฝุ่นผงจนถึง 10 เมตร ดาวยูเรนัสมีดวงจันทร์บริวารอย่างน้อย 27 ดวง ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเป็นทรงกลม ได้แก่ มิรันดา แอเรียล อัมเบรียล ไททาเนีย และ โอเบรอน
คำอธิบายภาพ
1. ภาพถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล แสดงให้เห็นจุดมืดซึ่งเกิดขึ้นใหม่
2. แสงอาทิตย์สะท้อนจากตัวดาวกลับมายังวงแหวน ทำให้สามารถมองเห็นวงแหวนได้จากโลก
3. ดวงจันทร์เอเรียล (จุดสีขาว) และเงา (จุดสีดำ) เบื้องหน้าของดาวยูเรนัส
4. ดวงจันทร์มิรันดา
5. วงแหวนบาง 2 วงอยู่รอบนอก โดยมีดวงจันทร์ปรากฏเป็นเส้นอาร์คสว่างอยู่ด้านใน เนื่องจากเปิดหน้ากล้องนาน
6. มุมมองจากโลกเปลี่ยนแปลง เนื่องจากวงโคจรของยูเรนัสและโลกอยู่ต่างระนาบกัน
ข้อมูลสำคัญ
ระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ 2,870 ล้านกิโลเมตร
คาบวงโคจร 80 ปี
ความรีของวงโคจร 0.047
ระนาบวงโคจรทำมุมกับระนาบสุริยวิถี 0.77°
แกนเอียง 97.86°
หมุนรอบตัวเองใช้เวลา 17.24 ชั่วโมง
รัศมีของดาว 25,559 กิโลเมตร
มวล 14.371 ของโลก
ความหนาแน่น 1.32 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
แรงโน้มถ่วง 8.43 เมตร/วินาที2
องค์ประกอบหลักของบรรยากาศ ไฮโดรเจน ฮีเลียม
อุณหภูมิ -216°C
ดวงจันทร์ที่ค้นพบแล้ว 27 ดวง
วงแหวนที่ค้นพบแล้ว 13 วง
|
ดาวเนปจูน (Neptune) ถูกค้นพบเนื่องจากนักดาราศาสตร์พบว่า ตำแหน่งของดาวยูเรนัสในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ไม่ได้เป็นไปตามกฏของนิวตันจึงตั้งสมมติฐานว่า จะต้องมีดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่อยู่ไกลถัดออกไปมารบกวนวงโคจรของดาวยูเรนัส ในที่สุดดาวเนปจูนก็ถูกค้นพบโดย โจฮานน์ กัลเล ในปี พ.ศ.2389 ต่อมาในปี พ.ศ.2532 ยานวอยเอเจอร์ 2 พบว่า ดาวเนปจูนมีองค์ประกอบคล้ายคลึงกับดาวยูเรนัส คือ มีบรรยากาศเป็นไฮโดรเจนและฮีเลียม และมีมีเทนเจือปนอยู่จึงมีสีน้ำเงิน ดาวเนปจูนมีขนาดเล็กกว่าดาวยูเรนัสเล็กน้อย แต่มีความหนาแน่นมากกว่า โดยที่แก่นของดาวเนปจูนเป็นของแข็งมีขนาดใกล้เคียงกับโลกของเรา ในช่วงเวลาที่ยานวอยเอเจอร์ 2 เข้าใกล้ดาวเนปจูนได้ถ่ายภาพ จุดมืดใหญ่ (Great dark spot) ทางซีกใต้ของดาวมีขนาดใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดี (ประมาณเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของโลก) จุดมืดใหญ่นี้เป็นพายุหมุนเช่นเดียวกับจุดแดงใหญ่บนดาวพฤหัสบดี มีกระแสลมพัดแรงที่สุดในระบบสุริยะ ความเร็วลม 300 เมตร/วินาที หรือ 1,080 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ดาวเนปจูนมีวงแหวน 4 วง แต่ละวงมีความสว่างไม่มากนัก เพราะประกอบด้วยอนุภาคที่เป็นผงฝุ่นขนาดเล็ก จนถึงขนาดประมาณ 10 เมตร เช่นเดียวกับวงแหวนของดาวพฤหัสบดีและดาวยูเรนัส ดาวเนปจูนมีดวงจันทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 13 ดวง ดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่สุดชื่อ "ทายตัน" (Triton) ทายตันเคลื่อนที่ในวงโคจรโดยมีทิศทางสวนกับการหมุนรอบตัวเองของดาวเนปจูน ซึ่งอาจเป็นเพราะถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเนปจูนจับเป็นบริวารภายหลังจากการก่อตัวของระบบสุริยะ นักดาราศาสตร์พยากรณ์ว่า ทายตันจะโคจรเข้าใกล้ดาวเนปจูนเรื่อยๆ และจะพุ่งเข้าชนดาวเนปจูนในที่สุด (อาจใช้เวลาเกือบ 100 ล้านปี)
คำอธิบายภาพ
1. ภาพถ่ายดาวเนปจูนจากยานวอยเอเจอร์ 2
2. อาร์ควงแหวนของดาวเนปจูน
3. ดวงจันทร์ทายตัน
4. ภาพถ่ายอินฟราเรดแสดงให้เห็นองค์ประกอบทางเคมีของชั้นบรรยากาศที่แตกต่างกัน
5. ผลึกเมฆน้ำแข็งมีเทนบนบรรยากาศชั้นบน (สีชมพู)
6. จุดมืดใหญ่ (Great dark spot)
ข้อมูลสำคัญ
ระยะทางเฉลี่ยจากดวงอาทิตย์ 4,498 ล้านกิโลเมตร
คาบวงโคจร 164.8 ปี
ความรีของวงโคจร 0.0086
ระนาบวงโคจรทำมุมกับระนาบสุริยวิถี 1.769°
แกนเอียง 29.58°
หมุนรอบตัวเองใช้เวลา 16.11 ชั่วโมง
รัศมีของดาว 24,764 กิโลเมตร
มวล 17.147 ของโลก
ความหนาแน่น 1.64 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
แรงโน้มถ่วง 10.71 เมตร/วินาที2
องค์ประกอบหลักของบรรยากาศ ไฮโดรเจน ฮีเลียม
อุณหภูมิ -214°C
ดวงจันทร์ที่ค้นพบแล้ว 13 ดวง
วงแหวนที่ค้นพบแล้ว 6 วง
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น